วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หนูแฮมสเตอร์กินผัก กินผัก

จิ๋วแต่แจ๋วววววววววว

แฮมเตอร์ไม่ใช่แค่หนูธรรมดา

หนูแฮมสเตอร์ว่ายน้ำ

แฮมเตอร์อ้วนมากๆๆๆๆ

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

hamster babies

แฮมเตอร์กับเขาวงกต

แฮมสเตอร์กินอาหาร

แฮมเตอร์เล่อนล้อวิ่ง

แฮมสเตอร์เล่นกับขี้เลื่อยตัวเดียวน่าสงสาร

หนูแฮมสเตอร์กินถั่ว

หนูแฮมสเตอร์น่ารัก.avi

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

10. ของเล่นหนูแฮมสเตอร์

     หนูแฮมสเตอร์มี ของเล่นมากมาย แทบจะบรรยายไม่ถูก แต่ ละชนิดจะมีหลากหลายรูปแบบมากเลยถ้าเพื่อนๆ อยากสร้างกรงหนูแฮมสเตอร์ ให้มีของเล่น เยอะๆก็ควร นึกถึงเนื้อที่ในกรง กันหน่อยเพราะว่ากรงบางประเภทอาจจะวางได้แค่นิดเดียว หรือไม่ กรง บางประเภท เมื่อใส่ของเล่นลงไปแล้ว หนู นั้นสามารถปีนออกมานอกกรงได้ อันนี้ก็ ต้องระวัง
     ของเล่นหนูแฮมเตอร์
1.  วงล้อที่วิ่ง

2.  ที่มุด / ท่อ

3.  ที่ปีนป่าย / ท่อ ต่อ


4.  เขาวงกต


5.  ลูกบอลออกกำลังกาย 


6.  ไม้กระดก



7.  กรงหนูแฮมสเตอร์


9. อาหารของหนูแฮมสเตอร์

        9.1  เมล็ด ฮวยมั้ว
ธัญพืชชนิดนี้ เป็น อาหารที่หนูแฮมสเตอร์ชอบกิน แต่ยังไงก็จะแนะนำ
อีกที เจ้าสิ่งนี้จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆแป้นๆ สีก็ตามในรูปเลย และก็ยังเป็นสิ่งที่
หนูแฮมสเตอร์ชอบกินด้วย แต่ถ้าผสมแล้วไม่ควรใส่ผสมเยอะ เพราะว่าเจ้าตัวนี้มีไขมันมาก
กว่าอาหารอื่นๆ อาจจะมากหรือ พอๆกับเมล็ดทานตะวันเลยก็ว่าได้ ยังไงก็อย่าผสมเยอะ

         9.2  เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันแบบนี้เป็นแบบที่หนูแฮมสเตอร์ชอบกินมาก อาจจะเป็นเพราะว่าแกะง่ายหรือ
รสชาติอร่อย อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่รับรองว่า หนุแฮมนั้นชอบแน่ๆ ยังไงถ้าเพื่อนๆจะผสม
อาหารก็แนะนำตัวนี้ หรือผสมหลายๆตัวก็ดี

          9.3  อาหารแมว
อาหารแมวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หนูแฮมสเตอร์ชอบกินนะ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่แต่ละชนิดด้วย
ส่วนชนิดที่ชอบกินนั้นก็ต้องแล้วแต่นิสัยของหนูเค้าหละ ยังไงเพื่อนๆลองเปลี่ยนอาหารแมวที่
นำมาผสมดู แล้วก็จะเจอชนิดที่ เจ้าหนูนั้นชอบ และยังช่วยให้หนูแฮมสเตอร์ไม่ต้องมากิน
อาหารที่จำเจ และ แก้ปัญหาการเบื่ออาหารอีกด้วย

           9.4  ข้าวไร / ข้าวชนิดต่างๆ
ข้าวซึ่งสำหรับคนแล้วนั้นเป็นอาหารหลักก็ว่าได้ และสำหรับหนูแฮมสเตอร์ ก็ชอบอยู่เหมือนกัน
ซึ่งข้าวนั้นก็มีหลายชนิดอยู่เช่นกัน อาทิ ข้าวไร , ข้าวโอ้ต , ข้าวเม็ดมะเขือ และอื่นๆ อีกมากมาย

8. โรคของหนูแฮมสเตอร์

     8.1 ขนร่วง การที่หนูแฮมสเตอร์ขนร่วงก็อาจจะมีสาเหตุมาจาก กรงไม่สะอาด อากาศร้อน อับชื้น หรือเกิดจากมีอายุมาก
หรือเครียดมากๆ .วิธีดูแลเบื้องต้น.ใช้เยนเซี่ยนไวโอเล็ต (ที่ทาปากเด็ก สีม่วงๆ ขวดละ 8 บาท) ทาทุกเช้าเย็น อาการจะดีขึ้น
ทาบริเวณรอบๆแผลที่มีขนด้วยกันลาม การที่หนูขนร่วงไม่เป็นเรื่องร้ายแรงแต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจจะลามได้

    8.2 โรคหางเปียก เกิดจากอาหารเป็นพิษ บวกด้วยอากาศร้อน และความไม่สะอาด หรือเกิดการเครียดมากๆ เช่น เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ อาการของโรค จะเริ่มต้นที่ท้องเสียก่อน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคหางเปียก ลักษณะอาการนั้นจะทำให้หนูขาดน้ำ
กนอาหารไม่ได้ และก็เสียชีวิตในที่สุด 
    
     8.3 โรคท้องเสีย อาการของโรคท้องเสียก็เหมือนหรือคล้ายๆกับโรคหางเปียก
     8.4 โรคเนื้องอก เป็นอีกโรคหนึ่งถ้าไม่พาไปหาหมอแล้วอาจจะถึงกับตายได้ โรคนี้มักเกิดกับหนูที่มีอายุมาก หรือมีลูกบ่อย
หลายคอกติดๆ กัน อาการของโรคนี้จะเป็นก้อนเนื้อแข็งๆ เป็นก้อนกลมๆ อยู่ที่ใต้ท้อง / โคนขา หรือตรงนม ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมา
สามารถเห็นได้ชัดเจน
    
      8.5 ขี้เรื้อน โรคนี้คล้ายๆกับเป็นรังแค เหมือนกับหนังที่แห้งและลอกออกเป้นแผ่นๆ เกิดจากอากาศร้อน ขี้เลื่อยไม่สะอาด
หรือสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ โรคนี้มักจะเกิดกับหนูที่อายุน้อยๆ ประมาณ2 อาทิตย์กว่าๆ -1 เดือน
        
      * การสังเกตเวลาแฮมสเตอร์ป่วย
     แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยป่วย อาการที่บงบอกว่าแฮมสเตอร์ป่วย ได้แก่
.... นอนมากเกินปกติ ยกเว้นในแฮมสเตอรที่แก่แล้ว
.... ไม่ค่อยทำความสะอาดตัวเอง ตัวค่อนข้างสกปรก ขนค่อนข้างยุ่ง
.... ซึมเศร้า
.... หงุดหงิดง่าย และมักหางเปียก
.... ท้องเสีย
.... ขนร่วงมีน้ำมูกน้ำตาไหล หรือเกาบ่อยเกินไป
.... เดินกระเผลก
.... มีบาดแผล
.... ตาเจ็บ มีขี้ตา ลืมตาไม่ขึ้น
.... ผอมหายใจลำบาก

7. การเลือกซื้อหนูแฮมสเตอร์

           ควรเลือกซื้อแฮมสเตอร์ในช่วงเวลาเย็น ๆ เพราะแฮมสเตอร์จะนอนในเวลากลางวันจะงัวเงีย ทำให้ดูยาก เวลาป่วยหรือไม แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาตอนเย็น มันจะคึกคักทำให้เราเลือกได้ง่ายกว่า และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นระหว่างตัวที่ซึม เพราะป่วยและตัวที่ไม่ป่วย
      
 7.1  เลี้ยงหลายตัวได้หรือไม่                                                               
อาจจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มากกว่า 1 ตัวในกรงเดียวกันได้ แต่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแฮมสเตอร์ด้วยถ้าเป็นแฮสเตอร์แคระแล้วล่ะก็ มันเป็นสัตว์สังคมพอสมควรสามารถจะเลี้ยงด้วยกันได้หากเลี้ยงไว้ด้วยกันตั้งแต่เล็ก มักไม่ค่อยมีปัญหาทะเลาะกันแต่ไม่ควรเลี้ยงแฮมสเตอร์ต่างสายพันธุ์ไว้ด้วยกัน เพราะนิสัยจะแตกต่างกันจะทำให้มันเครียดและอาจจะกัดกันจนตายได้ หรือเกิดปัญหาจาการผสมข้ามพันธุ์
           7.2  การใส่ถุงกระดาษกลับบ้าน ถ้าต้องการเดินทางนาน ๆ
           เวลาที่เราซื้อแล้ว ร้านขายสัตว์เลี้ยงอาจะเอาแฮมสเตอร์ใส่กล่องหรือถุงกระดาษนำกลับบ้าน แต่ถ้าเราต้องใช้เวลาเดินทางนานแฮมสเตอร์อาจจะแทะทะลุถุงกระดาษออกมาและหลบหนีได้ เราจะขอให้ผู้ขายเปลี่ยนจากถุงกระดาษมาใส่ภาชนะพลาสติกแทน
           7.3  ควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่สุขภาพดี
           แฮมสเตอร์ควรจะสะอาด ขนสะอาด ไม่มีอุจจาระเปื้อนหรือเหม็นผิดปรกติ และไม่ผอมผิดปรกติไม่ซึมไม่มีบาทแผลทั้งตัวและนิ้วเท้าหูต้องสะอาดทั้งด้านในและด้านนอก ตาต้องสดใสและสะอาด  และควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่อายุระหว่าง 4-7 สัปดาห์

6. การผสมพันธ์ของหนูแฮมสเตอร์

                  แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่มีอายุขัยสั้น มันจึงต้องแพร่พันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อย่าผสมข้ามพันธุ์แฮมสเตอร์หากท่านยังไม่พร้อม สำหรับชีวิตน้อย ๆ อีกหลาย ๆ ชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมา ท่านมีกรงให้พร้อมหรือไม่ท่านมีเวลาเพียงพอสำหรับมันหรือไม่
                 โปรดศึกษาแฮมสเตอร์ให้เข้าใจก่อนผสมพันธุ์ เพื่อให้ลูกที่เกิดออกมาแข็งแรงและไม่มีข้อบกพร่องทางพันธุ์กรรม
               6.1  SYRAIN          Syrain เป็นแฮมสเตอร์ที่รักสันโดษ หากเราปล่อยให้ Syrainหลาย ๆ ตัวอยู่ด้วยกันมันมักจะกัดกัน ดังนั้นการจับคู่ Syrain เพื่อการผสมพันธุ์นั้น เราจำเป็นต้องระวังมาก ๆ
          Syrain เพศเมียจะเป็นฮีทในทุกๆ 4 วัน ในการผสมพันธุ์ต้องเตรียมรังไว้ให้ก่อนโดยการใส่วัสดุปูพื้นใหม่ลงไป และหลังจากนั้นใส่วัสดุตัวผู้ลงไปก่อนและปล่อยให้ตัวผู้เดินไปมาและสร้างกลิ่นก่อนสัด  พักหลังจากนั้นจึงค่อยใส่ตัวเมียลงไป หากตัวเมียต่อต้าน ไม่ยอมรับการผสมพันธุ์โดยการจู่โจมหรือการเข้าทำร้ายตัวผู้ ให้รีบแยกตัวตัวเมียออกก่อนที่จะมีตัวใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้หากแฮมสเตอร์ตัวเมียไม่ได้เป็นฮีท มันก็อาจจะไม่ยอมรับการผสมจากตัวผู้และอาจจะทำร้ายตัวผู้ได้
          หลังจากนั้นอีก 2-3 วันให้ทดลองใหม่อีกครั้ง หากแฮมสเตอร์ตัวเมียเมื่อปล่อยลงไปแล้วยืนอยู่นิ่ง ๆ และเหยียดขาตรง ยกหางชี้ขึ้นแสดงว่าตัวเมียยอมรับการผสมพันธุ์ หลังจากนั้นปล่อยให้แฮมสเตอร์ผสมพันธุ์กันประมาณ 20 นาทีและแยกแฮมสเตอร์ออกจากกัน เพราะหากปล่อยตัวผู้ไว้กับตัวเมียนานเกินไป ตัวเมียอาจจะตัดสินใจกำจัด หรือทำร้ายตัวผู้ได้ หลังจากนั้น 16-18 วันหากผสมติด เราจะได้ลูกแฮมสเตอร์สีชมพูอยู่ในกรง

5. วิธีการเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์

          อาหารหลักที่ควรให้แฮมสเตอร์ คือ ธัญพืชโดยจะโปรยอาหารลงบนพื้นก็ได้เพราะแฮมสเตอร์ไม่มีนิสัยชอบก้มกิน มันจะชอบหยิบอาหารออกมากินนอกภาชนะมากกว่า โดยใช้เท้าหน้าจับอาหารกิน แต่การใช้ภาชนะมีข้อดี คือจะทำให้เราได้รู้ว่ามันเอาอาหารออกไปกิน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันป่วยเราก็รู้ได้ นอกจากนี้ การใส่ภาชนะยังทำให้อาหารและขี้เลื่อยไม่ปะปนกันทำให้การเปลี่ยนขี้เลื่อยทำได้ง่ายโดยไม่ต้องทิ้งอาหารที่ปนกับขี้เลื่อย
           5.1 สิ่งที่ควรทราบในการให้อาหารแฮมสเตอร์        1. อย่าให้ผักสด หรือผลไม้สดบ่อยๆหรือมากเกินไป การให้ผักสดควรให้แค่สัปดาห์ละครั้งเพราะอาจจะทำให้แฮมสเตอร์ท้องอืด หรือท้องเสียได้และหากมันกินไม่หมดควรจะเก็บทิ้งทันที
        2. พยายามอย่าเปลี่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ควรจะค่อยๆ เปลี่ยนอาหารโดยเอาอาหารเก่า ผสมกับอาหารใหม่ และเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทนที่อาหารเก่าในที่สุด อย่าเปลี่ยนแบบฉับพลัน

        3. อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงช็อคโกแลต โดยเฉพาะ Dark Chocolate เพราะมีสาร Theobromine ซึ่งเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้
        4. หลีกเลี้ยงผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวๆ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด เป็นต้น
        5. เราอาจจะเสริมโปรตีนให้กับแฮมสเตอร์ได้ โดยการให้อาหารเม็ดของแมวหรืออาหารสุนัขที่เป็น บิสกิต ใส่ลงไปได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมโปรตีนและยังช่วยลับฟันแฮมสเตอร์ไม่ให้ยาวเกินไปอีกด้วย
       6. อาหารที่ไม่ปลอดภัยสำหรับแฮมสเตอร์ ได้แก่ หัวหอม มันฝรั่งดิบ กระเทียม น้ำอัดลม ลูกกวาด เป็นต้น
        7. หลีกเลี่ยงอาหารที่แหลมคม หรือ เหนียวหนืด
        8. ขนมหรืออาหารหวานๆเพราะแฮมสเตอร์แคระมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้
        9. หลีกเลี่ยง อาหารเม็ดของกระต่าย เพราะบางชนิดใส่สารอาหารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตในกระต่าย แต่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์
        10. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเพรา
           5.2  อาหารเสริมอื่นๆ
1.ไข่  หนูแฮมสเตอร์ชอบกินไข่ต้มที่ต้มสุก และไข่ต้มยังมีโปรตีนสูงอีกด้วยโดยเฉพาะในแม่แฮมสเตอร์ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ไม่ใช่ว่าให้ตลอด นานๆ ให้ทีถ้ากินไม่หมดต้องเก็บออกให้หมด

2. น้ำมันตับปลา  น้ำมันตับปลาจะอุดมไปด้วยวิตามิน A และ D ใช้โดยการหยดเพียงไม่กี่หยดลงบนเมล็ดพืชก็ได้สามารถให้ได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง อาจจะให้อาหารเม็ด สำหรับสุนัขที่มีส่วนผสมของน้ำมันตับปลาก็ได้
3.เนื้อ  เรื่องการให้เนื้อเป็นอาหารแก่แฮมสเตอร์นั้น เป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทั้งหลายต่อต้านกันมานาน เพราะเชื่อว่า อาหารประเภทเนื้อจะกระตุ้น ให้แฮมสเตอร์ดุร้าย แต่ก็มีรายงานจากผู้เลี้ยงหลายๆ คนซึ่งให้เนื้อเป็นอาหารเป็นประจำว่าไม่มีการก้าวร้าวผิดปรกติแต่อย่างใด โกยอาจจะให้เป็น เนื้อวัวชิ้นเล็กๆ หรืออาจจะให้อาหารสุนัขที่บรรจุกระป๋องก็ได้
4. นม  อาจจะให้ได้บ้าง โดยเฉพาะแม่หนูที่กำลังท้อง หรือ อาจจะให้เป็นนมอัดเม็ดก็ได้
5. อาหารนกผสมสามารถจะให้อาหารเม็ด เช่น เมล็ดพืชสำหรับนกก็ได้โดยให้สัปดาห์ละครั้ง

4. ท่าทางของหนูแฮมสเตอร์

          นอกจากเสียงร้องแล้ว ท่าทางของเจ้าตัวน้อยก็เป็นการสื่อสารอีกอย่างหนึ่งที่มันต้องการทำให้เราเข้าใจมัน
            4.1 กัดแทะกรง : แสดงว่าเจ้าตัวน้อยของเราอยากออกมาเล่นข้างนอก หรือมานั่งแทะเพื่อลับฟันหรือต้องการจะขออะไรเราซักอย่าง
            4.2  ยืน 2 ขา หูตั้ง : เจ้าตัวน้อยกำลังต้องการฟัง หรือสนใจอะไรบางอย่างเป็นพิเศษ
            4.3 วิ่งไปวิ่งมา กระโดดๆ ที่รอบกรง : อย่างออกมาเที่ยวข้างนอกหรือกำลังเรียกร้องความสนใจเรา
            4.4 เอามือจับอาหารเข้าปาก : เจ้าตัวน้อยกำรังกินอาหาร ซึ่งเป็นวิธีการของเจ้าตัวน้อยที่จะเอาอาหารเข้าปาก
            4.5  ทำความสะอาดตัว : เจ้าตัวน้อยชอบไซร้ขนเพื่อทำความสะอาดตัว ส่วนบริเวณหัวจะเอามือแปะน้ำลายแล้วป้ายๆเพื่อทำความสะอาดบริเวณหัว
            4.6  ปีนป่าย : เจ้าตัวน้อยชอบปีนนั่นปีนนี่ เพื่อหาทางที่จะออกมาเที่ยวข้างนอก
            4.7  นอนหลับ : เจ้าตัวน้อยมักมีท่านอนแบบแปลกๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไป ดูแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดู
            4.8 งัวเงีย : เจ้าตัวน้อยพึ่งตื่นนอนมักทำตาปรือๆ หูจะลูไปด้านหลัง ถ้าเราไปแหย่มันตอนนี้มีหวังโดนกัดแน่ๆ เลย
           
          4.9 ยอมแพ้หรือกลัว : เจ้าตัวน้อยมักจะนอนหงายท้องและร้องเสียงดังๆ หรือร้องขู่ฟ่อๆ บางตัวอาจกัดฟันดังกึกๆ ถ้ามันกำลัง
โมโหจัดๆ
          4.10 ตะปบ : เจ้าตัวน้อยสายพันธุ์ Campbell มักมีนิสัยเอาเท้าหน้ามาตะปบๆ ที่มือของเราเมื่อเอามือแหย่เข้าไปเล่นกับมัน
          4.11 ดมกลิ่น : เจ้าตัวน้อยตัวเก่าที่เป็นเจ้าของกรงมักจะชอบเข้าไปดมกลิ่นของเจ้าตัวน้อยตัวใหม่ที่เราปล่อยให้เข้าไปในกรง
ของมัน เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
          4.12 เล่นกัน : เจ้าตัวมักชอบหยอกล้อเล่นกัน บางทีหยอกกันแรงๆ จนกัดกันก็มี
           4.13 ผสมพันธุ์ : เจ้าตัวน้อยตัวผู้จะเข้าไปดมก้นตัวเมียก่อน และเลียที่อวัยวะเพศของตัวเมีย หากตัวเมียไม่ยอมมันจะหงาย
ท้องและร้อง แต่ถ้าตัวเมียยอมมันจะยกก้นขึ้นให้ตัวผู้ทับ
          4.14  ทำรัง : เจ้าตัวเมียจะคาบทิชชูแล้วพยายามกัดทิชชูให้เป็นฝอยๆ แล้วทำรัง โดยรังลักษณะมีรูตรงกลาง
          4.15  ให้นมลูก : เจ้าตัวน้อยนอนครอบลูกโดยให้ลูกอยู่ข้างล่าง เพื่อให้ลูกดูดนมได้ทั่วถึง

3. ลักษณะนิสัยของหนูแฮมเตอร์

หนูแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่น่ารัก เป็นสัตว์ ที่ออกจะขี้อาย แต่ก็ มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ในตัว หนูแฮมสเตอร์นี่จะ ชอบนอนเวลา กลางวันแล้วก็ตื่นออกมาวิ่งเล่นในเวลากลางคืนคซึ่งไม่แปลกเลย สำหรับหนู ทั่วๆไป และ ก็ชอบ อมอาหารไว้ที่แก้ม ของ เขา โดย ที่แก้ม ของ เขาจะมีคุณสมบัติที่ขยายได้ เพื่อ เก็บและกักตุนอาหาร ที่ออกไปหามา ได้ ในตอนกลางคืน ( ตามธรรมชาติ ) โดยเมื่อเขาได้ยิน เสีย ได้เห็นอะไร หรือ ได้กลิ่นแปลกๆ ก็จะ หยุด นิ่งและจ้องมองไปทางนั้น ใบหูของเขานั้นก็จะ ตั้งชันขึ้น แสดอาการ อยากรู้อยากเห็น ขึ้นมา อย่างเห็นได้ชัด หนูแฮมสเตอร์ จะมีทั้งที่ นิสัยดุร้ายและ ก็ที่ นิสัยไม่ดุร้ายอันนี้ก็ ต้องขึ้นอยู่ที่สายพันธุ์ของเขา แต่ก็ใช่ว่า สายพันธุ์ที่ดุ จะ ดุไปหมดทุกๆ ตัว และ สายพันธุ์ ที่ ไม่ดุก็ยังอาจจะมีตัวที่มีนิสัยที่ดุ ด้วยเช่นกัน
หนูแฮมสเตอร์กัดแทะกรงเพื่อเรียกร้องความสนใจ
3.1  เมื่อเจ้าหนู คุ้นเคยกับเรา
          เมื่อหนูแฮมสเตอร์ นั้นเริ่มคุ้นเคยกับเรามากๆแล้ว ก็ ต่อไปก็เป็นเรื่อง ง่ายที่จะจับเขาออกมาเล่น นอกกรง โดยที่ เมื่อ สนิทกันแล้ว เมื่อเรียกชื่อเท่านั้น เจ้าหนูของเราก็ จะวิ่งมา รอหน้าทางออก และเมื่อเราเอามือลงไปแล้ว เขาก็จะไม่รีรอที่จะเข้ามาปีนขึ้นมาบนมือของเรา ซึ่งสำหรับสายพันธุ์ วินเทอร์ไวท์ นั้น เป็นเรื่องง่ายมากที่ทำความคุ้นเคย หรือ ตีสนิทด้วย เพาะ จุดเด่นของสายพันธุ์นี่ก็ เป็นพันธุ์ที่เชื่ออยู่ในตัวแล้ว ครับ

3.2  การนอน การนอนของเจ้าหนูแฮมสเตอร์นี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ สุดจะ คิดค้น ท่าทางออกมานอนเลยครับ บางทีเห็นแล้ว คุณอาจจะ อดหัวเราะ ไม่ได้เลย คับ ไม่ว่าจะปีนขึ้นไปหลับคาวงล้อ หรือ หลับบนวงล้อ นอนในถ้วย นอนหงาย หัวทิ่มดิน อื่นๆที่สุดจะบรรยาย
  หนูแฮมสเตอร์หลับ

3.3  การกินอาหานของหนูแฮมเตอร์  ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ข้างต้นครับ หนูแฮมสเตอร์ ชอบอมอาหารไว้ในกระพุ้งแก้มครับ ยิ่งถ้าเลี้ยงหลายๆ ตัวแล้วละก็ เวลาให้อาหารที่ ยิ่งเข้ามา รุ่มอาหารที่เราให้ เลย ครับ
 เจ้าหนูน้อยกำลังกินอาหาร
3.4  การจดจำกัน  หนูแฮมสเตอร์ ใช้วิธีจำกันโดยทางกลิ่น ครับ จึงไม่แปลกเลยครับ ที่ว่า เมื่อเราแยกเขาออก จากกัน แล้ว อีก 1-2 วันจับมารวมกัน เขาจะจำกันไม่ได้ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากลิ่น ครับ เหมือน ที่ว่า เมื่อเราซื้อหนู มาใหม่ ( มาเพิ่ม ) อีก ก็อาจจะกัดกันได้ เพราะว่า เขาแปลกกลิ่น และ ต้องการแสดง ความเป็นใหญ่ เหมือนกันว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา
หนูแฮมสเตอร์จะจดจำกันด้วยการดมกลิ่น
3.5  การกัดแทะ  การกัดแทะก็เป็น ช่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ของเจาหนูแฮมสเตอร์เลยก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น ขอนไม้ ถ้วยพลาสติก ที่วิ่ง หรือถ้าเป็นกรง ที่เป็นซี่ลวด ก็ ไม่เคยพลาด สาเหตุ หนึ่งที่เจ้าหนูแฮมสกัดแทะ ก็มาจากการที่ ต้องการจะลับฟัน หรือ ว่าถ้ากัดแทะกรง ก็อาจจะมาจาก การอยากจะออกไป เล่นข้างนอกก็เป็นไปได้

2. หนูแฮมสเตอร์สายพันธุ์ต่างๆ

     หนูแฮมสเตอร์ สามารถ แบ่งออกได้ 2ชนิด คือ 2.1 แฮมสเตอร์ ใหญ่                                                                                                                               2.2 แฮมสเตอร์แคระ
          ซึ่ง 2 ชนิด นี้เรื่องการผสมพันธุ์  สองชนิดนี้ไม่สามารถ นำมาผสมพันธุ์กันได้ทั้งนี้ เพราะ ลักษณะ ของ โครงสร้างร่างกาย ยีน และ โครโมโซม ไม่เท่ากัน สิ่งเหล่า นี้อาจจะสังเกต ได้ อย่างเด่นชัดก็คือ ลักษณะของ ตัว แฮมสเตอร์ใหญ่ ก็จะใหญ่ กว่าแฮมสเตอร์แคระ และ ขนก็ จะยาวกว่าทั้งนี้แฮมสเตอร์ ใหญ่ ในแต่ละสี ก็ จะมีชื่อ ของแต่ละสี
     สำหรับแฮมสเตอร์ใหญ่ สามารถแบ่งออกได้อีก คือ
- แบบขนสั้น
- แบบขนยาว
     สำหรับแฮมสเตอร์แคระ สามารถแบ่งออกได้อีก 3 สายพันธุ์ คือ
- สายพันธุ์ แฮมสเตอร์แคระวินเทอร์ไวท์ ( Winterwite )
- สายพันธุ์ แฮมสเตอร์แคระ แคมป์เบล (CB)
- สายพันธุ์ แฮมสเตอร์แคระโรโบ ( ROBO )


 หนูแฮมสเตอร์ขนสั้น



หนูแฮมสเตอร์แขนยาว

                                                        หนูแฮมเตอร์พันธุ์วินเทอร์ไวท์
หนูแฮมสเตอร์พันธุ์แคมเบล

หนูแฮมสเตอร์พันธุ์โลโบ

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

1. ประวัติความเป็นมาของหนูแฮมสเตอร์

          แฮมสเตอร์เป็นสัตว์จำพวกฟันแทะ(Rodent) ขนาดเล็ก สัตว์ในจำพวกนี้ได้แก บีเวอร์ กระรอก กระต่าย และชินชิลล่า เป็นต้น ย้อนไปเมื่อ ปีพ.ศ. 2382 ได้มีการค้นพบแฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรียสีทองที่ประเทศซีเรีย โดยนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ และได้นำกลับไปยังสวนสัตว์ลอนดอน จากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นแฮมสเตอร์ในธรรมชาติอีกเลย จนบางคนคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ต่อมา แม่แฮมสเตอร์และลูกๆอีก 12 ตัวได้ถูกพบที่บริเวณประเทศซีเรียอีกเช่นเคย โดย Professor I.Aharoni จาก Hebrew University เมืองเยรูซาเล็ม ครั้งนี้พวกมันถูกพาตัวไปยังเยรูซาเล็ม แต่ก็เหลือรอดเพียง 3 ตัวเท่านั้น คือตัวเมีย 2 ตัว และตัวผู้อีก 1 ตัว และนี่ก็คือบรรพบุรุษทั้ง 3 ของแฮมสเตอร์เลี้ยง ซึ่งได้ทำหน้าที่สืบเผ่าพันธุ์น่ารักๆไว้ให้เราได้รู้จักกันในปัจจุบัน ในระยะแรกๆ แฮมสเตอร์เข้าสู่ประเทศอังกฤษ และประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนักวิทยาศาสตร์ใช้เป็นสัตว์ทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น กระทั่งมีผู้เห็นว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดู จึงเริ่มนำออกมาเลี้ยงเป็นสมาชิกตัวหนึ่งในบ้าน และได้รับความนิยมในหมู่ผู้รักสัตว์เลี้ยงตั้งแต่นั้นมา  
                                                                หนูแฮมเตอร์